โดมิโนของสหรัฐอเมริกา 

อุดมการ โดมิโนของสหรัฐอเมริกา  ปี1950-1960ได้เกิดสงครามเย็นกระจายไปทั่วโลก

โลกของฝั่งสหรัฐอเมริกา เขาก็ได้มีทฤษฎีอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งเขาก็ได้เชื่อในส่วนของทฤษฎีที่มีชื่อว่า โดมิโน สำหรับด้านทฤษฎีโดมิโน นั้นมันก็ได้มีความหมายอยู่ว่า

ถ้าหากว่าเรานั้นได้ปล่อยให้โดมิโนที่อยู่ตัวแรกนั้นได้ล้มนั่นมันก็อาจจะหมายความว่าหากเราได้ยอมให้อีกหนึ่งประเทศได้กลายมาเป็นคอมมิวนิสต์ไปลัทธิของคอมมิวนิสต์มันก็จะแพร่ขยายไปอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนั้น

ที่เหมือนกันกับการผลักโดมิโนในประเทศที่อยู่ข้างเคียงให้ล้มต่อๆไปจนมันได้กลายมาเป็นด้านคอมมิวนิสต์กันไปทั้งหมดและนี่มันก็เป็นแค่เพียงทฤษฎีโดมิโน 

นอกจากนี้ ส่วนที่มันได้เป็นอุดมการณ์ฝั่งของคอมมิวนิสต์ถ้าหากว่าจะทำให้มันได้สำเร็จไปตามด้านทฤษฎีของคอมมิวนิสต์ไปจริงๆมันก็จะต้องทำลายชนชั้นของ นายทุนให้จนหมดไปโดยอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมันก็หมายความว่าจะต้องเปลี่ยนให้ทุกๆประเทศในโลก

เป็นประเทศคอมมิวนิสต์เสียก่อนและนั่นมันเป็นเรื่องของสงครามเย็นและสงครามตัวแทน แต่ทว่าสงครามตัวแทนนั้นในภาคเอเชียนั้น โดยเฉพาะในเอเชียด้านตะวันออกเฉียงใต้มันไม่ได้เหมือนกับสงครามตัวแทนอื่นๆ

ในโลกที่ไม่เหมือนกับในยุโรป ซึ่งได้มีการแบ่งเยอรมันด้านตะวันออกกับเยอรมันตะวันตกหรือแบบประเทศในอเมริกาใต้ที่ขั้วของความขัดแย้งคืออิทธิพลของสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตที่ในตะวันออกเฉียงใต้มันจะมีความซับซ้อนมากกว่านั้น

เนื่องจากมันได้มีถึง3ขั้วของอำนาจด้วยกัน ซึ่งด้านโซเวียตเขาได้ทะเลาะกับจีน ซึ่งมันได้ทำให้ใครหลายๆคนต่างก็ได้พากัน งง เพราะว่าเขาก็ได้เป็นพรรคคอมมิวนิสต์อยู่เหมือนกันแต่ทำไมถึงได้มาทะเลาะกันได้ล่ะ ในปีประมาณ1950-1960ที่สงครามเย็นก็ได้กระจายออกไปทั่วโลก จีนกับโซเวียตก็ได้ตัดความสัมพันธ์กันทั้งๆ

ที่ได้เป็นประเทศคอมมิวนิสต์เหมือนๆกัน ซึ่งพวกเราก็ได้เรียกเหตุการณ์เล่านี้ว่าSino-Soviet split ซึ่งเหตุการณ์ที่ได้แยกวงนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อในปี1956 ซึ่งในตอนนั้นด้าน โจเซฟ สตาลินที่เป็นผู้นำสูงสุดของโซเวียตที่ได้เสียชีวิตลงและผู้นำคนใหม่ได้

ชื่อนายนิกิต้า ครุชอฟได้ขึ้นมาแทน  ซึ่งนายนิกิต้า ครุชอฟก้ได้มีไอเดียที่ไม่ต้องการให้สภาพโซเวียตเข้ามาเป็นคอมมิวนิสต์ในรูปแบบเดิมที่ได้เป็นลัทธิบูชาตัวบุคคลเพราะในก่อนหน้านี้ในยุคของสตาลินทางฝ่ายโซเวียตก็ไม่สามารถที่จะไปถึงฝั่งฝัน

ที่จะเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ตามทฤษฎีได้จริงๆ เช่นเดียวกันกับประเทศคอมมิวนิสต์ทั้งหลายในโลกนี้สุดท้ายแล้วนายสตาลินก็ได้กลายมาเป็นเผด็จการที่ได้ยกให้ตัวเองเป็นผู้นำสูงสุดที่บังคับทำให้ทุกคนนั้นจะต้องเชื่อฟังเพื่อที่ชาติจะได้รอดพ้นจากภัยจักรวรรดินิยมของอเมริกาทำให้โซเวียตในยุคของสตาลินประชาชนต้องเผชิญกับความอดยากยากจนมีการจำกัดศัตรูทางการเมืองที่หนักหน่วง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk888