ปัญหาเศรษฐกิจสมัยยุคราชกาลที่8

ปัญหาเศรษฐกิจสมัยยุคราชกาลที่8ชาวเกษตรกรได้มีความขัดสนเป็นอย่างมาก

ซึ่งในสมัยยุคสยามชาวเกษตรกรได้มีความขัดสนเป็นอย่างมากจากนั้นเกษตรกรทั่วไปจะต้องเสียอากรค่าน้ำที่เก็บจากการจับปลาในแม่น้ำลำคลองอากรสวนจากการทำสวนไม้ผลและอากรค่านา

ซึ่งเรียกเก็บมากน้อยตามความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่นอกจากนั้นชายซึ่งได้เป็นกำลังหลักในการผลิตจะต้องถูกเกณฑ์แรงงานรับใช้หลวงเป็นประจำทุกปีหากผู้ใดที่ต้องการที่จากบ้านไปใช้แรงงานจะต้องเสียเงินทดแทนวิกฤตการเศรษฐกิจที่เรียกว่าได้ระบาดไปทั่วโลกในปลายทศวรรษ2460ตลอดถึงทศวรรษ2470จึงต้องทำให้รัฐบาลต้องเร่งรัฐจัดเก็บภาษีอากรอย่างหนักจนภาคเกษตรกรยากไร้ไม่มีเงินเสียภาษีอากรให้กับหลวงจะต้องถูกริบทรัพย์ทั้งโคกระบือที่นาและบ้านเรือนเพื่อขายทอดตลาดปรากฎให้เห็นอยู่ทั่วไป

การขายทอดตลาดทรัพย์สมบัติของราษฎรผู้ยากจนในบางตำบลได้กระทำอย่างอเนจอนาจมากที่สุดน่าสงสารราษฎรเจ้าทรัพย์

ซึ่งได้มานั่งดูเขาขายทอดตลาดทรัพย์สมบัติของตนมีเลือกสวนไรนาและวัวควายแววตาน่าเศร้าจะร้องไห้ก็ไม่เชิงหนังสือพิมพ์หลักเมือง28มิถุนายน 2472

นอกจากการเร่งรัฐจัดเก็บภาษีอากรแล้วรัฐบาลจำเป็นที่จะต้องปลดข้าราชการบางส่วนออกเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายแต่การที่มาตรการนี้ส่งผลกระทบต่อคนชนชั้นกลางอย่างหนัก ขณะที่ชนชั้นสูงโดยเฉพาะกลุ่มของเจ้านายได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยทำให้กระแสต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ดำเนินมาอย่างเงียบๆเป็นเวลานานมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันความขัดแย้งนี้ได้ประสานเข้ากับความเดือดร้อนทั้งในเมืองและชนบท

อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจจนกลายมาเป็นกระแสเคลื่อนไหวทางการสังคมอันทรงพลังอย่างยิ่งเวลานี้ไปที่ใดแม้แต่ชาวชนบทก็ได้กล่าวถึงเศรษฐกิจและการเมืองได้ยินข้อคลหาอย่างธรรมดาและเดือดร้อนบางว่ารัฐบาลปกครองราชอย่างสาทยังหลอกลวงอย่างดูดเลือดกันทุกหนแห่ง นาย ทองเจือ จารุสาธร ได้ถวายฎีกา14มีนาคม 2474รัฐบาลได้ช่วยชาวนาด้วยวิธีอย่างไรยังไม่มีใครทราบบัดนี้ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยว่าประชาชนพลเมืองก็ควรหาหนทางช่วยตนเองด้วย

โดยที่ไม่คิดที่จะพึ่งรัฐบาลอีกต่อไป ธวัช ฤทธิเดช ถวายฎีกา ซึ่งฎีกาที่เต็มไปด้วยคำที่เผ็ดร้อนเหล่านี้ได้ไหลเข้าสู่ราชสำนักอย่างต่อเนื่องกระทั่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าต้องเตรียมออกประกาศตักเตือนราษฎรชาวนาเพื่อปรามการถวายฎีกาที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกันการที่ต่างชาติมีสิทธิสภาพนอกอาณาเขตเหนือดินแดนสยามก็ได้ทำให้หนังสือพิทพ์หลายฉบับสามารถเสนอบทความวิพากษ์วิจารณ์ถึงปัญหาเศรษฐกิจรวมทั้งโจมตีทางหลักการเน้นความสำคัญของชาติกำเนิดอย่างรุนแรง

สิ่งเหล่านี้ได้ก่อตัวขึ้นมาในสมัยรัชกาลที่5หรือประมาณ พ.ศ.2450มันได้มีหนังสือพิทพ์จากทางต่างประเทศอยู่กลุ่มหนึ่งเลยทีเดียวซึ่งได้เผยแพร่ความคิดทางการเมืองทั้งความคิดประชาธิปไตยความคิดชาตินิยมความคิดสังคมนิยมก็มีอยู่ในช่วงนั้นด้วย

 

สนับสนุนโดย  ทาง เข้า dewabet