วัฒนธรรมการกินทางภูมิภาคเหนือ

วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นอันเป็นลักษณธของแต่ละสังคมในการดำเนินชีวิตของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่แสดงออกถึงความเจริญงอดงามความเป็นระเบียงเรียบร้อยความกลมเกลียวความก้าวหน้าซึ่งคนส่วนใหญ่ยอกรับว่าเป็นสิ่งดีงามโดยการสร้างเป็นกฏเกนเป็นแบบแผนเพื่อนำไปปติบัติให้เป็นไปตามรูปแบบเดียวกันอักถือเป็นมรดกแห่งสังคมเพราะวัฒนธรรมนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์นั้นได้รับมาจากบรรพบุรุษและมีการถ่ายทอดให้อนุชนรุ่นหลังต่อมาอย่างนี้เรื่อยไปจนกลายมาเป็นวิถีของสังคมโดยประเทศไทยเรานั้นมีขนาดใหญ่มีสภาพภูมิศาสตร์สิ่งแวดล้อม

รวมทั้งกลุ่มชาติพันที่ได้แต่ต่างกันออกไปทางภูมิภาคจังหวัดและอำเภอคนในแต่ละพื้นที่ได้สร้างวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับท้องถิ่นที่อาศัยอยู่และได้ประพฤติและปติบัติสืบต่อกันมานับเป็นระยะเวลานานจนกลายมาเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นหรือวัฒนธรรมพื้นบ้านขึ้นมาวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ้นมีมากมายและครอบคุมชีวิตทุกด้านของผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนั้นทั้งทางด้านอาหารเครื่องแต่งกลายที่อยู่อาศัยศิลปศษสนารทิความเชื่อประติมากรรมหัตถกรรมและการดำรงชีวิตตามสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติซึ่งหากกล่าวถึงวัฒนธรรมของไทยที่มีเอกลักษณ์อันเป็นลักษณะที่มีความแตกต่างจากชาติอื่นอย่างชัดเจนนั้นก็คือ วัฒนธรรมทางด้านอาหาร ของไทย 

วัฒนธรรมทางด้านอาหารของคนไทยมีจุกกำเนิดพร้อมกับตั้งชนชั้นชาติไทยและมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องาตั้งแต่สมัยสุริโขทัยจนมาถึงปัจจุบันอาหารไทย เป็นที่นิยมทั้งในไทยเองและในต่างประเทศเป็นที่ยอดรับและรู้จักกันอย่างแพ่ร่หลายโดยเสน่ห์อาหารไทยในแต่ละจานนั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปโดยมีส่วนผสมที่หลากหลายนำเอามาผสมผสานกันเพื่อให้มีความอร่อยอีกทั้งอาหารไทยเป็นอาหารสุขภาพมีการปรุงแต่งกลิ่นสีรสที่มีมาจากธรรมชาติ

พืชผักดอกไม้เคื่อรงเทศและผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติทั้งสิ้นใช้ไขมันและเนื้อสัตว์ในการปรุงอาหารน้อยเน้นผักเป็นสำคัญทำให้มีทางโภชนาการสูงและมีสรรพคุณทางยาในทางเดียวกันโดยในแต่ละภาคของไทยก็จะมีลักษณะอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองมีความแตกต่างกันออกไปต่างภูมิประเทศภูมิอากาศและแหล่งอาหารของแต่ละภูมิภาคดังนี้ เนื่องจากทางภาคเหนือมีอากาศที่เย็นจึงทำให้มีพืชผักที่มีความสดกว่าในจังหวัดอื่นๆทำให้ส่วนประกอบของอาหารทุกมื้อจะมีเป็นปรกอบอาหารเป็นส่วนใหญ่วัฒนธรรมในการกินของทางด้านภูมิภาคเหนือได้เป็นไปตามบรพบุรุษอาหารส่วนใหญ่จะได้มาจากธรรมชาติเช่นของป่าหรือสิ่งที่อยู่ภายในบริเวณบ้านเช่นพืชผักและสัตว์ที่เลี้ยงเอาไว้เองโดยรวมไปถึงอาหารที่เกิดขึ้นเองตามฤดูกาลเช่นหน่อไม้ป่าเห็ดป่านาๆชนิด

แผ่นไฟตอสที่ถูกสร้างขึ้นมาใช้กับอะไร?

สำหรับเรื่องราวที่เหล่านักวิทยาศาสตร์โบราณคดีได้มีการขุดค้นพบสิ่งของโบราณต่างๆมากมายแต่ก็ยังไม่มีใครนั้นที่จะหาคำตอบมาสรุปได้ว่าที่จริงแล้วมันมีความหมาย

เนื่องมาจากอะไรและสถานที่แห่งนั้นมันเป็นจริงอย่างที่เขาเล่าต่อๆกันมาจริงหรือป่าวซึ่งมันมีอะไรที่เรานั้นไม่รู้อีกตั้วมากมายแต่อย่างไรก็ศึกษาหาข้อมูลกันไปก่อน

วิหารนีโครแมนเทียน ประเทศกรีช

สำหรับความเชื่อในเรื่องของนรกมีอยู่ทั่วโลกรวมไปถึงชาวกรีชโบราณเองก็มีความเชื่อกับพวกเขาด้วยดังนั้นวิหารโครแมนเทียนจึงได้ถูงสร้างขึ้นมานอกจากจะเป็นการอุทิศให้กับเทพเจ้าแล้วและยังได้ใช้เป็นเส้นทางที่ลงไปสู่นรกและติดต่อกับคยตายเพื่อที่จะรับคำพยากรณ์อีกด้วยวิหารโบราณแห่งนี้ได้ถูกค้นพบขึ้นในปี1958

และยังไกล้กับเมืองโบราณเอฟร่าในทางตอนใต้ของทาก่าตามคำบอกเล่าของกวีโฮเมอร์เมทื่อได้ทำการขุดค้นพบลงไปก็ยังได้พบกับอุโมงค์ใต้ดินที่มีลักษณะประตูซุ้มโค้งจากนั้นก็ได้มีการสันนิษฐานว่ามันอาจจะเป็นประตู่สู่นรกตามความเชื่อของผู้คนในยุคสมัยนั้นโดยนักโบสถ์จะเป็นผู้จัดการพิธีดังกล่าวด้วยกันนำทางผู้คนเข้าไปข้างในทางประตูทั้งสามปานนั้น

ก็เป็นสัญลักษณ์ของการลงไปยังปรโลกจากนั้นจากบุคคลเหล่านั้นก็จะสามารถที่จะพูดคุยกับดวงวิญญาณได้แต่โดยเรื่องเล่าดังกล่าวนี้มันจะเป็นจริงหรือไม่ก็จะต้องพิสูจน์กันต่อไปอีกในอนาคตและถ้ามันมีอยู่จริงคงจะตกแปลกใจอย่างแน่นอนว่ามันมีอยู่ในบนโลกของเราจริงๆด้วย

แผ่นไฟตอส ประเทศกรีช

แผนดินเผามีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ15ถึง16เซนติเมตรมีความหนา1.16 2.1เซวนติเมตรได้ถูกค้นพบในปี1908โดยนักโยบราณคดีชาวอิตาลีภายในปราสาทมิโนอันในทางตอนใต้ของเกาะกรีชสันนิษฐานว่าถูกสร้างในยุคทองเหลือหรือราวๆประมาณ2000ปีก่อนคริสตกาล

มีจุดเด่นอยู่ตรงที่สัญลักษณ์รูปร่างที่ต่างเรียงกันเป็นวงกลมเข้าสู่เส้นศูนย์กลางตามเข็มนาฬิกาแต่สิ่งที่มันน่าสนใจก็คือแผ่นจานเหล่านนี้ได้มีการสร้างขึ้นมาเพื่อเอาไว้ใช้อะไรกันแน่และเมื่อนักโบราณคดีได้นำเอามาวิเคราะห์ก็ได้พบว่าสัญลักษณ์ที่ได้พบบนแผ่นจานมีทั้งหมด241ตัวและได้แบ่งออกมาเป็น45แบบรูปร่างไม่ค่อยสับซ่อนเช่น คน ปลา ดอกไม้ นก เป็นต้น

โดยใช้วิถีการกดตัวอักษรลงไปทีละตัวจนมันเต็มบนแผ่นและส่วนความหมายของแต่ละภาพมันก็ยังคงกลายเป็นปรอศนาอยู่ นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าแผ่นจานนี้มันอาจจะเป็นคัมภีร์โบราณหรือมันอาจจะเป็นบันทึกของทางศาสนาก็เป็นได้

ถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้เรื่องข้อที่เท็จจริงว่าแผ่นจานนี้มาสามารถเอาไว้ใช้ทำอะไรและมันได้จดบันทึกเอาไว้ว่าอะไรบ้างมันมีความเกี่ยวข้องอย่างไรและเชื่อว่าในอนาคตอันไกลเราอาจจะได้คำตอบที่ดีๆกว่านี้อย่างแน่นอน

เซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี จัดงาน “ราชธานีแห่งศิลปะ”

ต้องบอกว่าสำหรับเรื่องศิลปะนี้ถือได้ว่าตอนนี้มีข่าวดีเกี่ยวกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) โดยเขานั้นเป็นผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ของจังหวัดอุบลราชธานี และยังมีการร่วมกับ มูลนิธิอีสานอารยะ แถมยังมีสมาคมศิลปินอีสานเพื่อเป็นการตอกย้ำในด้านของการนำด้านงานศิลปะและไลฟ์สไตล์นั่นเอง

สะสมผลงานศิลป์จากนักแสดงชาวอีสานกว่า 200 ท่านกับผลงานกว่า 300 ชิ้นหนแรกในอีสานใต้ ในชื่องาน “ราชธานีแห่งศิลปะ” พร้อมน้อมรำลึกถึงพระอัจฉริยะภาพด้านศิลป์ในหลวงรัชกาลที่ 9 กับภาพพระบรมสาทิศลักษณ์ ที่วาดโดยสีอะคริลิค ใหญ่ที่สุดในโลกสูงเท่าอาคาร3 ชั้น พร้อมดูภาพที่โลกตามหา ผลงานของ ฌ็อง-บาติสต์-ซีเมอง ชาร์แด็ง นักแสดงชาวประเทศฝรั่งเศสผู้ที่มีความเชี่ยวชาญการเขียนภาพนิ่ง มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท จัดโชว์ระหว่างวันที่ 12-18 เดือนกันยายน 2560 ณ ลานอะควาเรียม ชั้น1 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซา จังหวัดอุบลราชธานี

ด้านในงานทุกคนจะได้เจอกับ การจัดแสดงนิทรรศการและก็ผลงานศิลป์อีกทั้งภาพจิตรกรรม และก็ประติมากรรม ที่ถูกดีไซน์โดยศิลปินชาวอีสานจำนวนมาก เช่น อาจารย์ทวี รัชนีกร (ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์) คุณศักชัย    อุทธิโท (ศิลปินยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน)และก็ยอดเยี่ยมไฮไลท์ภาพที่โลกตามหา ผลงานของศิลปินชาวประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-บาติสต์-ซีเมอง ชาร์แด็ง (Jean-Baptiste-Siméon Chardin)ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางการเขียนภาพนิ่ง มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท, ภาพพระบรมสาทิศลักษณ์ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่วาดโดยสีอะคริลิคใหญ่ที่สุดในโลกสูงขึ้นยิ่งกว่า 15 เมตร ขนาดสูงเท่าอาคาร 3 ชั้น วาดลงผืนผ้าใบขนาด 12×15 m. ผลงานโดย อำเภอทวี เกศางาม รวมทั้งศิลปินบ้านหัวหิน เพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 , ภาพที่วาดจากสีน้ำมันรูปสระบัวที่ยาวที่สุดในโลกกว่า 4 เมตร โดยคุณทวี เกษางาม จากบ้านนักแสดง หัวหิน, ผลงานจากกลุ่มลายดิน กลุ่มศิลปินที่โด่งดัง ของจังหวัดอุบลราชธานี โดยจะนำผลงานมาแสดงกว่า 300 ผลงาน จะเห็นได้ว่าการแสดงไม่ว่าจะเป็นการแสดงของประเภทใดก็ตามที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะถือได้ว่ามีความน่าสนใจมากยิ่งนัก โดยทั่วไปแล้วศิลปะนั้นเป็นสิ่งที่รวบรวมเข้าด้วยกันกับบุคคลอย่างเราๆ และเป็นการเผยแพร่เรื่องราวที่ดีและเกี่ยวข้องในด้านของการใช้ชีวิตในแต่ละวันอีกด้วย งานศิลปะถือได้ว่าช่วยให้เราเข้าใจและคลายเครียดไปกับสิ่งสวยงาม โดยศิลปะนั้นมีหลายรูปแบบไม่จำเป็นจะต้องแค่เป็นภาพวาด หรือภาพถ่ายแม้แต่น้อย แต่มันเป็นเรื่องราวแนวทางในการใช้ชีวิตอีกหลายรุปแบบอีกด้วยนะ