ธุรกิจ e-commerce กำลังมาแรงในปี 2020 

          หลายคนคงสงสัยว่าอะไรคือธุรกิจ e-commerce ไม่ต้องสงสัยค่ะเพราะว่าธุรกิจ e-commerce คือการที่เราขายสินค้าของเราตามปกตินี่เองเพียงแต่ว่าการซื้อการขายสินค้าของเรานั้นจะเชื่อมโยงเกี่ยวกับเรื่องของการขายผ่านทางระบบออนไลน์นั่นเองซึ่งแน่นอนว่าในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนนี้นั้นกระแสการตอบรับของธุรกิจ e-commerce นั้นได้รับผลตอบรับอย่างดีมากเนื่องจากว่าผู้คนส่วนใหญ่แตงกวาเกี่ยวกับเรื่องของการออกไปซื้อสินค้านอกบ้าน

เพราะต้องการเลี่ยงที่จะออกไปเจอหรือไปสัมผัสกับเชื้อโรคซึ่งตอนนี้เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่หรือไข้เลือดออกหรือแม้แต่ไวรัสโคโรน่าก็มีการระบาดออกมาอย่างต่อเนื่องดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่จะมีการเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตจากที่เคยต้องออกไปช้อปปิ้งนอกบ้านเพราะเป็นการช้อปปิ้งผ่านระบบออนไลน์ส่งผลให้ธุรกิจ e-commerce นั้นเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเพราะไม่ใช่เพียงแค่

การซื้อเสื้อผ้าผ่านระบบออนไลน์เท่านั้นแต่ยังรวมหมายถึงการซื้ออาหารผ่านระบบออนไลน์หรือแม้แต่การซื้อข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านผ่านระบบออนไลน์นั่นเองทุกอย่างที่เราเคยต้องเดินทางไปห้างสรรพสินค้าไปร้านค้าต่างๆถูกเปลี่ยนไปโดยแนวโน้มเป็นการเข้าเว็บไซต์แล้วสั่งซื้อผ่านออนไลน์แทนเพราะนอกจากจะสะดวกโดยที่เราไม่ต้องไปเสียเวลาเลือกสินค้าเองแล้วเรายังปลอดภัยอยู่ที่บ้านด้วยการให้ทางร้านค้านั้นส่งของมาให้เราที่บ้านซึ่งประหยัดเวลาและปลอดภัยจากเชื้อโรคดังนั้นจึงเป็นการกระตุ้นให้ร้านค้าต่างๆหันมาร่วมโครงการเกี่ยวกับการขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์

ซึ่งในตอนนี้ทางรัฐบาลเองก็ได้มีการสนับสนุนเกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจ e-commerce เป็นหยังหน้าการขายสินค้าออนไลน์นั้นสามารถที่จะทำยอดขายให้กับเจ้าของร้านได้เป็นอย่างมากยกตัวอย่างเช่นร้านทองซึ่งปกติแล้วเราจะเห็นคนส่วนใหญ่ออกไปซื้อทองที่ร้านค้าสามารถเลือกลายสามารถรับสินค้าได้ในขณะเดียวกันหลังจากที่มีการระบาดของไวรัสโคโรน่าโรคจิตร้านทองต่างๆ

ได้มีการเปลี่ยนแนวการขายออกไปซึ่งปกติแล้วต้องเปิดร้านทองขายก็หันมาเปลี่ยนเป็นการขายผ่านทางระบบออนไลน์มีการนำลายทองมาโพสให้ลูกค้าได้เข้าไปดูซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับเจ้าของร้านทองได้เป็นอย่างมากถึงแม้ว่าจะมีการถูกระงับให้ปิดร้านทองประกายเปิดขายผ่านทางออนไลน์ก็ทำให้ล้างทองยังคงมีรายได้อยู่และนี่คือผลดีของธุรกิจ e-commerce ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนของโลก

ถ้าเกิดคุณมีสัญญาณ internet คุณก็สามารถขายสินค้าผ่านทางระบบออนไลน์รวมถึงเป็นลูกค้าก็สามารถสั่งสินค้าผ่านระบบออนไลน์และรอรับของอยู่ที่บ้านได้เลยและแน่นอนเมื่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซนั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจึงทำให้มีกระแสของทางผู้ประกอบการหลายๆคนเข้ามาสนใจที่จะร่วมทุนธุรกิจ E commerce ซึ่งเราก็ต้องดูกันต่อไปว่าธุรกิจการขายของออนไลน์หรือขายผ่านทางโซเชียลนี้จะยังได้กระแสตอบรับอ่านแค่ไหน แล้วจะสร้างผลกำไรกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้หรือไม่

 

สนับสนุนโดย  bk8

ประวัตินักศึกษาฆ่าหั่นศพเสริม สาครราษฎร์ 

        หลายคนคงเคยจำข่าวในอดีตที่ผ่านมาได้เกี่ยวกับเรื่องของนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งที่ทำการฆ่าหั่นศพแฟนสาวของตนเองซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์ด้วยกันหลังจากนั้นก็ทำการนำชิ้นส่วนของแฟนสาวไปทิ้งในชักโครกกว่าจะตามตัวได้ก็ทำให้ทั้งตำรวจและแพทย์เหนื่อยกันไปตามๆกันจนต้องให้หมอพรทิพย์มาชันสูตรชิ้นส่วนที่ต้องลงไปงมในท่อเก็บถ่ายอุจจาระโดยเรื่องราวของนักศึกษาหนุ่มคนดังกล่าวเข้าชื่อว่าเสริม   สาครราษฎร์ 

โดยประวัติความเป็นมาของนายเสริมนั้นเขาเป็นเด็กต่างจังหวัดเกิดที่จังหวัดชลบุรีและเขาสามารถ Entrance เข้ามาเรียนในคณะวิศวกรรมของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ใต้ตั้งแต่เขาอายุ 15 ปีเรียกได้ว่าเด็กชายเสริมสาครราษฎร์นั้นคืออัจฉริยะของแท้หลังจากนั้นเขาก็มีการเรียนตกคณะวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์โดยใช้เวลาเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้นเขาก็ได้รับปริญญาบัตรสมใดแต่ด้วยอายุยังน้อย

และเขาก็มีมันสมองเป็นเลิศดังนั้นเขาจึงได้มีการลงเรียนเพิ่มโดยเข้าไปทำการสอบเป็นแพทย์ สอบเป็นแพทย์นั้นเขาได้พบรักกับนักศึกษาสาวคนหนึ่งอายุ 22 ปีเลยชื่อว่านางสาวเจนจิรา  พลอยองุ่นศรี  ซึ่งเป็นนักศึกษาเรียนวิชาแพทย์เหมือนกันและเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันทั้งคู่รักใคร่กลมเกลียวกันดีแต่อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานก็ทำให้ทั้งคู่นั้นเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ

ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่นั้นก็มาจากการที่นายเสริม    สาครราษฎร์นั้นหึงหวงแฟนสาวของตนเองซึ่งไม่ว่าแฟนสาวของตนเองนั้นจะไปกับเพื่อนผู้หญิงหรือไปกับเพื่อนผู้ชายนาย เสริม    สาครราษฎร์ก็มักจะตามหัวไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำและในที่สุดก็นำมาสู่เรื่องของการฆาตกรรมแฟนสาวเมื่อทั้งคู่เกิดทะเลาะกันในห้องพักและนายเสริม    สาครราษฎร์ ได้ทำการฆ่าแฟนสาวทิ้งหลังจากนั้นก็ได้นำมีดทำครัวมาเฉือนหั่นศพแฟนสาวเป็นชิ้นเล็กๆน้อยๆ

แล้วนำชิ้นส่วนต่างๆใส่ไปในโลกภายในห้องพักพ่อแม่ของนางสาวจินตนาเห็นว่าลูกสาวนั้นไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวมาเป็นเวลานานจึงได้เดินทางมาตามหาลูกสาวที่ห้องพักแต่ก็ไม่พบจึงได้แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจซึ่งหลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกติดตามหานางสาวเจนจิราทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวแฟนหนุ่มก็คือเสริม สาครราษฎร์

ซึ่งเขาให้เหตุผลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเกิดการทะเลาะกันกับแฟนสาวหลังจากนั้นแฟนสาวก็ขับรถออกไปจากหอพักแล้วเขาก็ติดต่อไม่ได้อีกเลยแต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามสืบหาตัวนางสาวจันทร์จิราในที่สุดก็พบว่านางสาวจันทร์จิรานั้นถูกฆ่าเสียชีวิตแล้วและคนที่ลงมือสังหารก็คือเสริม    สาครราษฎร์ นั่นเองแต่กว่าที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามหาศพของนางสาวเจนจิราได้นั้นก็ถูกเสริม สาครราษฎร์ปั่นหัวไปหลายรอบ

ซึ่งตอนแรกเขาก็บอกว่าเขาเผาศพทิ้งไปแล้วต่อมาเขาก็เปลี่ยนคำให้การใหม่แต่ในที่สุดนั้นก็สามารถที่จะลงไปงมศพได้ที่โถชักโครกและส่วนกระดูกของนางสาวจันทร์จิรานั้นก็ถูกนายเสริม สาครราษฎร์นำไปทิ้งที่สะพานข้ามแม่น้ำบางปะกงซึ่งมันเก่าที่ในเสริม    สาครราษฎร์ ถูกจับดำเนินคดีนั้น ที่สุดเขาก็ถูกปล่อยตัว ปีพ. ศ. 2555 และปัจจุบันเขาก็ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ มาเป็น นาย ไชยา ตันทกานนท์

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8

ตำนานพญานาค

สำหรับตำนานของพญานาคถ้าจะให้เราพูดกันจริงๆมันเป็นตำนานที่บอกต่อๆกันมาเป็นรุ่นๆตั้งแต่รุ่นทวดรุ่นปู่รุ่นย่าและจนได้มาถึงรุ่นเราว่าพญานาคนั้นได้เป็นสัตว์ที่ศักดิ์สิทธิ์บ้างก็เชื่อว่าพญานาคนั้นสามารถที่จะพบเจอได้ ซึ่งคนที่สามารถเห็นได้จะมีบุญบารมี

หรือวาสนามากพอที่จะสามารถเห็นตัวของพญานาคได้เป็นๆหรือบางคนที่ได้เห็นลอยเลื้อยของพญานาคก็ถือว่าได้เป็นคนที่มีบุญและพญานาคก็ได้เข้ามาให้โชคให้ลาภ ซึ่งอันนี้มันก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคล หรือ อีกหนึ่งความเชื่อหนึ่งก็คือพญานาคนั้น

ได้เป็นสัตว์เทพที่เป็น กายนิมิตร หรือ เป็นสัตว์ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ต้องใช้นิมิตรในการมองคนที่มียาญคนที่มีองค์เทพในร่างกายถึงจะเห็นได้แต่คนปกติจะไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าและจะเห็นได้เต็มที่ก็คือเป็นลอยทางเลื้อยหรืออะไรแบบนี้ทั่วไปแต่ถ้าเอาตามตำนานของพญานาคจริงๆ

ได้มีบันทึกเอาไว้ว่า พญานาคนั้นคือตำนานงูยักษ์ในแทบประเทศไทยและบางประเทศตะวันออกเฉียงใต้ โดยลักษณะที่คนส่วนใหญ่เขาเชื่อกันจะเป็นงูยักษ์ที่ลำตัวมีสีเขียวมรกตมีหงอนสีทองที่มีความหมายตามหลักความเชื่อ เขาได้เชื่อกันว่าเป็นความอุดมสมบูรณ์วาสนาและความยิ่งใหญ่โดยต้นกำเนิดจริงๆของพญานาคไม่ได้มาจากประเทศไทย

แต่ ต้นกำเนิดจริงๆของพญานาคได้มาจากทาง อินเดียตอนใต้ ด้วยสาเหตุที่วว่า อินเดียทางตอนใต้สภาพภูมิประเทศของเขาเป็นป่าเป็นเขากันส่วนใหญ่เลยทำให้มีงูค่อนข้างที่จะเยอะมากและส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นงูที่มีพิษด้วยจึงทำให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นได้เชื่อกันว่าเป็นสัตว์ที่ได้มีอำนาจหรือถ้ายกตัวอย่างง่ายๆก็เทพในประเทศญี่ปุ่นที่เขาเชื่อกันว่าเป็นสัตว์เทพแล้วทีนี่ก็เลยทำให้คนในอินเดียตอนใต้นับถืองูว่าเป็นสัตว์เทพชนิดหนึ่งในรูปแบบของเทพนิยายและตำนานพื้นบ้านเรื่อยมาก่อน

ที่จะเผยแพร่สู่ประเทศใกล้เคียงและรวมไปถึงประเทศไทยบ้านเราอีกด้วย โดยประเทศไทยได้มีอีกหนึ่งสถานที่ที่เชื่อกันมากที่สุดว่ามีพญานาคอยู่นั่นก็คือ ลุ่มแม่น้ำโขง หรือแม่น้ำที่ได้มีเมืองบาดาลนั่นเอง ตามหลักฐานที่ได้มีการบันทึกเอาไว้เขาได้บอกเอาไว้ว่าเคยมีการค้นพาลอยคล้ายลอยเลื้อยของงูขนาดใหญ่ในวันออกพรรษามันเป็นไปได้หรอที่มันจะมีลอยงูยักษ์ออกมาในวันออกพรรษา

จึงเลยทำให้คนในบริเวณนั้นได้เชื่อกันว่าเป็นรอยของพญานาคนั้นเองและก็ยังมีอีกความเชื่อหนึ่งที่เขาได้บอกว่าถ้าใครอยากจะไปเล่นที่ริมแม่น้ำโขงต้องมีการยกมือไหว้สักการะและขอขมาก่อนที่จะลงไปเล่นเพราะพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่นั่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame1688

การทดลองใช้ขวดเป่าลูกโป่ง

          ลูกโป่งที่มีสีสันสวยงาม ใครๆก็ชอบนำมาประดับในสถานที่จัดงานต่างๆเพื่อให้สถานที่นั้นสวยงาม แต่คุณรู้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้ผลิตลูกโป่งคนแรกและลูกโป่งทำมาจากอะไร และมันลอยได้อย่างไร

           สำหรับคนที่ประดิษฐ์ลูกโป่งยางคนแรกของโลกคือ ไมเคิล ฟาราเดย์  โดยคิดค้นได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1824  โดยที่คิดค้นได้นั้นผลิตมาจากยางหรือน้ำยาง สามารถทำให้พองได้ด้วยการบรรจุแก๊สเข้าไป เช่น แก๊สฮีเลียม หรือ ไฮโดรเจน หรือออกซิเจน  ลูกโป่งมีหลากหลายสีสัน จึงเป็นที่นิยมกันมากทั้งเด็กและผู้หญิง โดยส่วนมากจะใช้ลูกโป่งให้งานต่างๆเพื่อประดับตกแต่งสถานที่ให้สวยงาม 

          ข้อแตกแตกต่างของลูกโป่งที่บรรจุแก๊สฮีเลียมกับไฮโดรเจนนั้น ต่างกันตรงที่แก๊สฮีเลียมเป็นแก๊สเฉื่อย ดังนั้นมันจะไม่ติดไฟ นำมาใช้แล้วไม่ก่อให้เกิดอันตราย ยิ่งถ้าต้องนำไปประดับตกแต่งสถานที่ที่อยู่ใกล้ความร้อนหรอใกล้ไฟแล้วละก็ควรยิ่งต้องเลือกใช้ลูกโป่งที่บรรจุแก๊สฮีเลียม ส่วนลูกโป่งที่บรรจุแก๊สไฮโดรเจนนั้นจะเป็นแก๊สที่ไวต่อไฟ หากจะใช้งานต้องระมัดระวังการระเบิดด้วย เพราะหากลูกโป่งที่บรรจุแก๊สไฮโดรเจนโดนความร้อนแล้วเกิดติดไฟจะทำให้ระเบิดและเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

         สำหรับวันนี้เราจะมาทำการทดลองการใช้ขวดเป่าลูกโป่งให้ลอยแทนการใช้ปากเป่าลมออกอย่างในสมัยโบราณ อย่ารอช้าเรามาเตรียมอุปกรณ์การทดลองกันเลยค่ะ เริ่มจาก ลูกโป่ง   ขวดเปล่าขนาด 1-1.5 ลิตร  ช้อนชา  กรวย  น้ำส้มสายชู  และเบกกิ้งโซดา  เห็นไหมคะอุปกรณ์หาได้จากในห้องครัวที่บ้านเราทั้งนั้นเลย เพื่อการเรียนรู้ของลูก เรามาทำการทดลองให้บุตรหลานเราดูกันค่ะ

          เริ่มการทดลองด้วยการเทน้ำส้มสายชูลงไปในขวดเปล่าประมาณ  1 ส่วน 3 ของขวดเปล่าที่เราเตรียมเอาไว้แล้วหลังจากนั้นให้เทเบกกิ้งโซดาเข้าไปในลูกโป่งสักประมาณ 2-3 ช้อนชา เนื่องจากปากลูกโป่งจะแคบมากเราสามารถใช้กรวยที่เตรียมไว้เป็นตัวช่วยในการขยายปากลูกโป่งเมื่อใส่เบกกิ้งโซดาเสร็จแล้ว

ให้นำลูกโป่งมาครอบไว้บนปากขวดน้ำส้มสายชูที่เราได้เตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากที่นำลูกโป่งครอบปากขวดแล้ว คุณจะสังเกตเห็นว่าลูกโป่งจะค่อยๆพองตัวขึ้น เมื่อได้ขนาดที่ต้องการแล้วก็หายางมารัดตรงปากลูกโป่งให้แน่น เท่านี้เราก็จะได้ลูกโป่งเอาไว้ประดับงานสวยๆได้แล้วค่ะ

สำหรับเหตุผลที่ว่าทำไมลูกโป่งถึงพองแล้วลอยได้หรือจะพูดว่าขวดสามารถเป่าลูกโป่งได้อย่างไรนั้น สามารถอธิบายเป็นแนววิทยาศาสตร์ได้ว่า น้ำส้มสายูในขวดและเบกกิ้งโซดาในลูกโป่งมีการทำปฏิกิริยาระหว่างกัน แล้วก่อให้เกิดก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์

  โดยหลักทางวิทยาศาสตร์กล่าวไว้ว่าก๊าชจะมีความเบากว่าอากาศและจะลอยตัวสูงขึ้น ดังนั้น เมื่อมีก๊าชเข้าไปในลูกโป่งเป็นจำนวนมากจึงทำให้ลูกโป่งลอยได้

 

สนับสนุนโดย  sagame เอเชีย

ศิลปะจากอดีตสู่ปัจจุบัน

ศิลปะถือเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์อย่างเรานั้นมาอย่างช้านานตั้งแต่สมัยอดีต โดยศิลปะนั้นมีการก่อกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ในยุคหินตามบันทึกทางประวัติศาสต์มีการกล่าวถึงการสร้างสรรค์งานศิลปะต่างๆในยุคนั้นด้วยและมีการพัฒนาศิลปะต่างๆผ่านยุคผ่านสมัยตลอดมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง

ถึงแม้ศิลปะนั้นจะมีมาอย่างช้านานแต่ในปัจจุบันก็ยังคงมีการอนุรักษ์และรักษาศิลปะที่เป็นศิลปะตั้งแต่ดั่งเดิมให้อยู่ในลักษณะที่ใช้สำหรับเป็นสิ่งที่เรียนรู้ทั้งทางศิลปะ ทางประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการในการเจริญเติบโตและการพัฒนาในด้สนศิลปะต่างๆด้วยนั่นเอง

โดยศิลปะในอดีตนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์อย่างมากเพราะในอดีตน้อยคนมากที่จะสามารถสร้างสรรค์งานศิลปะขึ้นมาได้ เพราะเนื่องจากในอดีตนั้นคนโดยส่วนใหญ่มักจะไม่ได้มีความสามารถในด้านเหล่านี้มากนัก ผู้ชายส่วนใหญ่

ก็จะต้องออกรบเพื่อทำสงครานั่นเอง ส่วนผู้หยิงก็จะต้องทำอาหารดูและลูกและสามีนั่นเอง ทำให้ในอดีตศิลปะจึงไม่มีการเจริญเติบโตนัก ด้วยเครื่องไม้เครื่องมีต่างๆที่จะนำมาในการสร้างสรรค์ศิลปะมีข้อจำกัดด้วยนั่นเอง

และคนที่สามารถสร้างสรรค์งานศิลปะต่างๆได้ในอดีนั้นล้วนเป็นคนที่มีบารมีสูงส่งเพราะคนทั่วไปนั้นหายากมากที่จะมีการเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะนั่นเอง เพราะเวลาของคนในยุคนั้นมักจะหวดไปกับการดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีวิตและครอบครัว

แม้ในอดีตนั้นจะไม่ได้มีการแพร่หลายทางด้านศิลปะมากนักแต่คนในยุคนั้นก็พยายามที่จะมีการบันทึกว่าในยุคนั้นก็มีการเจริญเติบโตและมีช่วงเจริญรุ่งเรื่องในเรื่องศิลปะเช่นกัน โดยคนในยุคนั้นมักนิยมปั่นรูปปั้นเพื่อแสดงถึงสัญลักษณ์ทางศิลปะของพวกเขา

และยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นอยู่และวิถีวิตของคนในยุคนั้นโดยการถ่ายทอดผ่านทางศิลปะอีกด้วย ทำให้มีการใช้เรื่องราวที่คนในยุคก่อนๆนั้นแสดงผ่านศิลปะและยังคงมีร่องรอยหลงเหลือจากอดีตสู่ปัจจุบันมีการคาดการณ์และจินตนาการถึงการใช้ชีวิตของคนในยุคนั้นทั้งกี่ดำรงชีวิตประจำวัน การรับประทานอหารแบะรวมถึงการทำสงครามด้วย

ต้องขอบคุณศิลปินในยุคนั้นมากที่มีการสร้างสรรค์และก่อกำเนิดเป็นสิ่งที่เรียกศิลปะขึ้นมา เพราะศิลปะในยุคนั้นไม่เพียงแต่ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆที่สำคัญทางประวัติแล้วนั้นยังรวมไปถึงการกำเนิดสิ่งที่สามารถขัดเกลาจิตใจมนุษย์ให้มีควมใสสะอาดและเป็นผุ้ที่อ่อนโยนนั่นเอง

โดยศิลปะไม่ได้เริ่มต้นและหยุดแค่เพียงเท่าเมื่อวานเวลาผ่านไปเกิดยุดต่างๆกเกิดขึ้นก็ยังคงมีการสร้างสรรค์งนศิลปะอยู่เสมอ ทำให้ในปัจจุบันศิลปะถือว่าเป็สิ่งที่มีการเปิดกว่างมากขึ้นทั้งความคิดจินตนาการและนี่ก็เป็นสิ่งที่มีการสืบทอดมาจาดดีตสู่ปัจจุบันนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน ไฮโล

ตำนานนิทานเรื่องห่านและไข่ทองคำไข่ทองคำ 

เชียงรายเรื่องนี้เป็นเรื่องของตากับยายคู่หนึ่งที่อาศัยอยู่กลางป่าแห่งหนึ่งโดยทั้งสองนั้นอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งสองนั้นไม่มีลูกทั้งสองนั้นก็เป็นตายายคู่หนึ่งที่เรียกได้ว่าจนมากจนแทบไม่มีอาหารจะกินแต่พวกเขายังสามารถประทังชีวิตได้ เชียงรายเรื่องนี้เป็นเรื่องของตากับยายคู่หนึ่งที่อาศัยอยู่กลางป่าแห่งหนึ่ง

โดยทั้งสองนั้นอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งสองนั้นไม่มีลูกทั้งสองนั้นก็เป็นตายายคู่หนึ่งที่เรียกได้ว่าจนมากจนแทบไม่มีอาหารจะกินแต่พวกเขายังสามารถประทังชีวิตได้เพราะการเลี้ยงห่านตัวนึงเอาไว้และทุกๆวันที่ ห่านนั้นออกไข่ตากับยาย ก็จะพากันไปเก็บไข่ของทหารทุกๆวัน

เพื่อประทังชีวิตและนำไปขายมีอยู่วันนึงที่คุณตาได้ใช้ชีวิตปกติแต่เก็บไข่มาเพื่อที่จะนำไปขายที่ตลาดแห่งหนึ่งหลังจากนั้นตาก็ได้ร้องเสียงดังคุณยายถามว่าเกิดอะไรหรือ มีอะไรหรือเปล่าคุณตาก็ได้ร้องเสียงหลงว่าเรามีไข่ทองคำ

ตอนนั้นคุณยายงงมากและรีบเดินออกมาจากกระท่อมเพื่อมาดูว่ามีไข่ทองคำจริงหรือไม่เพราะว่าไม่มีทางที่หาดตัวน้อยๆจะสามารถออกไข่เป็นทองคำได้ หลังจากนั้นคุณยายแทบไม่เชื่อสายตาเพราะไข่นี้มีลักษณะเหมือนทองคำมีสีทองแวววาวเป็นอย่างมากแต่คุณยายก็ยังไม่เชื่อและคิดว่านี่อาจจะเป็นทองปลอมก็เป็นได้คุณตาจึงเสนอว่าคุณตาจะเดินไปที่ร้านขายทอง

และให้ช่างทองนั้นดูและพินิจพิจารณาว่าใส่ทองคำนี้เป็นไข่ทองคำจริงหรือว่าเป็นทองปลอมกันแน่คุณยายตอบตกลงเพราะมันไม่มีอะไรจะเสียไม่นานนะคุณตาก็เดินทางไปถึงที่ร้านขายทองคำและนำไข่ของหาญของเขาออกมาให้ช่างตรวจทองคำโดว่าช่างจด ทองคำทองคำอย่างพินิจพิจารณาก็พบว่านี่คือทองของจริงเมื่อตาได้ยิน

ดังนั้นตาดีใจเป็นอย่างมากพร้อมกับบอกฉันทีว่าจะขายให้หลังจากนั้นเขาก็ได้เงินจากช่างตรวจทองและคนซื้อทองเป็นจำนวนหลายล้านไม่นานนักคุณตาก็ได้เดินทางกลับมาพร้อมกับกองเงินคุณยายบอกว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ คุณตาก็ตอบทันทีว่าไข่นั้นเป็นใครท้องซิ่ง

ตอนนี้เรามีเงินมากมายแล้วล่ะดูนี่สิได้มาตั้งหลายล้านตอนนี้เราจะกลายเป็นเศรษฐีกันแล้วล่ะทั้งสองนั้นดีใจเป็นอย่างมากแล้วกอดกันอย่างนั้นเพราะดีใจว่านี่เป็นทองคำจริงและสุดท้ายก็เขาจะได้ใช้ชีวิตอย่าง สุขสบายสักทีหลังจากนั้นทุกๆวันที่ห่างตัวนั้นออก ออกไข่ ตายายก็จะพากันเดินทางไปเก็บไข่และนำไปขายที่เมืองแล้วก็จะได้เงินกลับมาเยอะทุกครั้ง

มีอยู่วันหนึ่งที่ตายและยายคู่นี้โลกน่าจะคิดว่าหากมันออกไข่เป็นทองในร่างกายของทหารตัวนี้คนจะมีไข่ทองเยอะมากเป็นแม่ตากับยายจึงจะผ่านมาและนำมีดมาผ่าท้อง ห้ามทันทีเพราะคิดว่าหากเจ้าหางตัวนี้ออกไข่มาเป็นทองในท้องของมันก็ต้องมีทองมากมาย

แต่เมื่อผ่าท้องหารได้สำเร็จกับไม่มีทองคำเลยทำให้พวกเขานั้นต้องสูญเสียห่านที่รักไปนะนอกจากนั้นก็ไม่มีไข่ทองคำจนสุดท้ายพวกเขาก็จนอีกครั้งและไม่มีอะไรจะกินจนสุดท้ายก็ตายไป นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าโลภมากลาภก็จะหาย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน

ตำนานความเชื่อเกี่ยวกับนกแสก

            ตั้งแต่ในสมัยโบราณมาแล้วเรามักจะได้ยินคนเฒ่าคนแก่พูดถึงตำนานของนกแสกกันว่านกแสกนั้นเป็นนกที่อัปมงคลเป็นนกที่ไม่ดีหากใครหรือบ้านไหนได้ยินเสียงนกแสกแล้ว

แล้วก็ให้จงระวังไว้ให้ดีเพราะถ้าเกิดภัยอันตรายมาสู่คนในครอบครัวนั้นสำหรับเรื่องของนกแสกนั้นไม่ได้เป็นแค่เพียงตำนานเท่านั้นแต่ยังมีการเล่าขานมาตั้งแต่โบราณจนปัจจุบันก็ยังมีบางคนที่ยังเชื่อเรื่องของนกแสกกันอยู่โดยส่วนใหญ่นั้นก็จะเป็นคนสูงอายุในหมู่บ้านนั้นเอง

ซึ่งคนโบราณเชื่อกันว่า นกแสกนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความตายเป็นตัวแทนของยมทูตเป็นสิ่งที่ชาวบ้านและมนุษย์ทุกคนควรจะหลีกเลี่ยงสำหรับนกแสกนั้นไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่หวาดกลัวและเกรงกลัวนกแสกและมองนกแสกเป็นนกอะมงคลสำหรับต่างประเทศเอง

ก็มีความเชื่อเกี่ยวกับนกแสกได้น่ากลัวไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่สำหรับสมัยโบราณนั้นหากนกแสกนั้นไปเกาะที่หลังคาบ้านของใครแล้วแล้วก็บ้านนั้นมักจะมีปัญหาตามมาเกี่ยวกับเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วยของคนในบ้านหรือบางทีก็อาจจะมีปัญหาว่าคนในบ้านนั้นเสียชีวิต

แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่านกแสกนั้นจะสร้างความหวาดกลัวให้กับคนในบ้านหรือคนในชุมชนก็ตามแต่ก็ยังมีพิธีกรรมที่สามารถแก้เคล็ดได้หากนกแสกนั้นมาเกาะอยู่ที่บริเวณบ้านแล้วร้องส่งเสียงดังด้วยความเชื่อของการแก้เคล็ดนกแสกนั้นทำได้ด้วยการที่ให้บ้านหลังดังกล่าวนั้นเตรียมดอกไม้ธูปเทียนรวมถึงเหล้าขาว

ซึ่งอาจจะมีการเตรียมข้าวสารหรือว่าข้าวตอกพร้อมด้วยผ้าแดงและผ้าสีขาวรวมถึงเงินและทองจัดเป็นทานให้เรียบร้อยหลังจากนั้นก็นำไปถวายเพื่อเป็นการนำไปเคารพสักการะเป็นการแก้เคล็ดนั่นเองสำหรับนกแสกนั้นหากเราสังเกตให้ดีก็จะเห็นว่ามันเป็นนกตระกูลเดียวกับนกฮูกนั่นเอง

ซึ่งนกแสกจะเป็นนกที่ต้องออกหากินในช่วงเวลากลางคืนและที่สำคัญมันเป็นนกที่สามารถบินไปได้ทั่วโลกส่วนประเทศที่มักจะพบนกแสกมากนั้นก็มีในประเทศไทยรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างเช่นประเทศกัมพูชา   ประเทศเวียดนาม   ประเทศลาว    ประเทศพม่า   หรือแม้แต่ประเทศอินโดนีเซียและประเทศอินเดียก็ตามซึ่งประเทศเหล่านี้จะเป็นสถานที่ที่นกแสกมันมักจะอยู่มากเป็นพิเศษ

สำหรับความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของนกแสกมาร้องนั้นมีตำนานเกี่ยวกับเรื่องของนกแสกว่าเมื่อนกแสกนั้นมาเกาะที่หลังคาบ้านของชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งบ้านหลังดังกล่าวนั้นมีผู้ป่วยพี่กำลังนอนรักษาตัวอยู่แต่เมื่อนกแสกมาเกาะที่บ้านหลังดังกล่าวนั้นเพียงแค่ 3 วันต่อมาผู้ป่วยคนนั้นก็เสียชีวิตทันที

จึงทำให้หลายคนต่างก็พากันหวาดกลัวเมื่อได้ยินเสียงนกแสกร้องเพราะเชื่อว่านกแสกนั้นจะเป็นนมมาเอาชีวิตของคนป่วยที่อยู่ภายในบ้านแต่ในทางตรงข้ามกับประเทศอินเดียกับมองว่านกแตกนั้นเป็นนกที่จะนำโชคลาภมาให้และเป็นนกของเทพเจ้าเพราะนกแสกนั้นจะช่วยมากัดกินหนูพึ่งมาทำลายไร่นาของพวกเขาดังนั้นความเชื่อของแต่ละประเทศนั้นจึงมีความแตกต่างกันไปสำหรับตำนานของนกแสกนั้นเอง

 

ขอขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์

หากโลกมีการชะลอหมุนตัวช้าลงจะเกิดอะไรขึ้น

แผ่นดินไหว และ แผ่นดินแยก ในหลายจุดทั่วโลกแบบที่เรานั้นไม่สามารถที่จะคลาดเดามันได้ ซึ่งตรงนี้สาเหตุคือมันเกิดมาจากการที่เปลือกโลกในแต่ละชั้นของเรามันเคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่ไม่เท่ากันนั้นเองถ้าจะให้อธิบายให้เข้าใจกันง่ายๆโลกของเรานั้น

มันจะมีเปลือกโลกอยู่ด้วยกันถึงสามชั้นคือเปลือกโลกชั้นนอกเปลือกโลกชั้นกลางและเปลือกโลกชั้นในโดยเปลือกของทั้งสามชั้นนี้ปกติแล้วมันจะเคลื่อนตัวไปพร้อมๆกันและได้มีการเกียวโยงกับการหมุนรอบตัวเองของโลกแต่ถ้าหากว่าวันใดวันหนึ่งโลกของเรานั้น

มันได้มีการหมุนตัวที่ช้าลงหรือมีการหยุดชะงักไปมันก็จะทำให้เปลือกโลกทั้งสามชั้นนี้ได้เกิดการเคลื่อนตัวที่ไม่เท่ากันเปลือกโลกชั้นใดชั้นหนึ่งหยุดแต่เปลือกโลกอีกชั้นหนึ่งมันยังดันตัวต่อมันเลยจะทำให้เกิดการกระแทกจากข้างในและเมื่อได้เกิดการกระแทกจากครั้งนี้มันเลยทำให้เกิดภูเขาไฟระเบิดและแผ่นดินแยกอยู่หลายจุดนั้นเอง

ซึ่งตรงนี้มันได้ส่งผลกระทบแรงกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากน้ำทะเลเคลื่อนตัวอีกเนื่องจากว่าเหตุการณ์เหล่านี้มันสามารถที่จะเกิดขึ้นมาได้ทุกเมื่อและถ้าหากว่ามันได้เกิดขึ้นอยู่ภายในเขตของทะเลมันจะส่งผลทำให้อุณหภูมิของน้ำทะเลได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

เพราะมันได้เกิดการแยกตัวออกของแผ่นดินและทำให้ลาวาที่มันได้อยู่ใต้แผ่นดินได้ลอยตัวขึ้นมาและได้ทำให้อุณหภูมิของน้ำนั้นได้สูงขึ้นมันเลยทำให้ปลาบางชนิดที่ได้อาศัยอยู่ในทะเลต้องตายไปเพราะจากการปรับตัวจากการที่อุณหภูมิเปลี่ยนอย่างฉับพลันไม่ทันส่วนเหตุการณ์บนพื้นดินหรือบนบกมันก็ไม่ได้ต่างไปจากในท้องทะเลเลย

คือมาจะเกิดแผ่นดินแยกในหลายๆจุดโดยทั่วโลกโดยที่เรานั้นไม่สามารถที่จะคลาดเดามันได้และภูเขาไฟเกือบทั่วโลกมันจะเกิดเหตุการณ์ปะทุอีกครั้งหนึ่งและจากการปะทุจากภูเขาไฟเล้านั้นมันก็ยังได้ส่งผลกระทบต่อทั้งทางด้านอากาศและที่อยู่ก็อาจจะโดนลาวากลืนลงไปหรือว่าเราอาจจะต้องหนีลาวาและอากาศที่ได้โนควันจากภูเขาไฟบดบังเรา

ก็อาจจะมีอากาศที่น้อยลงจากปกติที่อากาศมันน้อยลงไปอยู่แล้วมันก็อาจจะน้อยลงไปอีกซึ่งเหตุการณ์นี้ถ้าให้พูดกันตรงๆมันก็อาจจะคล้ายกับเหตุกาณ์ที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เลยก็ว่าได้ซึ่งต้องบอกเลยว่าเหตุการณืนี้มันเป็นเหตุการที่ค่อนข้างที่มันจะมีความรุนแรงเป็นอย่างมากอาจจะเกือบล้างโลกกันไปเลยทีเดียว

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  เว็บพนัน true wallet

ตำนานหลอนวัดพระศรีสรรเพชญ์ 

   สำหรับวัดพระศรีสรรเพชญ์นั้นถือเป็นวัดหลวงในสมัยของพระนครศรีอยุธยาเป็นราชธานี และยังเป็นต้นแบบของวัดพระแก้วซึ่งขณะนี้ได้มีการสร้างไว้ในกรุงเทพฯนั่นเอง

ซึ่งเป็นวัดที่เอาไว้ใช้ประกอบพิธีกรรมสำคัญสำคัญของบ้านเมือง สำหรับวัดเหล่านี้นั้นจะเป็นวัดที่เอาไว้ใช้ในเรื่องของพระราชพิธีของพระมหากษัตริย์ดังนั้นจะไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ที่วัดเนื่องจากว่าสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นวัดสำหรับทำพิธีกรรมทางศาสนาของราชวงศ์เพียงเท่านั้น และถึงแม้ว่าวัดพระศรีสรรเพชญ์นั้นจะมีอายุเก่าแก่ยาวนานมาหลายร้อยปี

แล้วก็ตามแต่ยังคงมีประวัติที่สร้างความหลอกหลอนให้กับชาวต่างประเทศได้มีการนำข่าวไปเสนอกันเป็นระยะระยะเลยทีเดียว ซึ่งเคยมีสำนักข่าวของไอเอ็นเอ็นได้มาทำข่าวเมื่อประมาณ 50 กว่าปีที่แล้วโดยอ้างอิงว่าข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากปากของชาวบ้าน

ว่ามีกลุ่มหัวขโมยได้มีการเข้าไปลักลอบขุดหาลายแทงภายในบริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์และพวกเขาก็ได้ลายแทงสมบัติมา ซึ่งในลายแทงนั้นได้มีการระบุเอาไว้ว่าในบริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์นั้นยังมีการฝังสมบัติล้ำค่ามากมาย

ไม่ว่าจะเป็นทองเพชรนิลจินดาของคนในสมัยโบราณเอาไว้ และชาวบ้านยังเล่ากันด้วยว่าพวกคนเหล่านั้นสามารถขุดเจอทรัพย์สมบัติต่างๆมากมายเหล่านั้นแต่เมื่อพวกมันได้ทรัพย์สินเงินทองเรานั้นไปก็ไม่สามารถใช้ได้เพราะเนื่องจากว่าพวกมันนั้นเจอเหตุการณ์ประหลาดมากมายจนพวกโจรเหล่านั้นไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ และเสียชีวิตไปทุกคน

และถึงแม้ข่าวนี้จะเก่ามายาวนานเกินกว่า 50 ปีแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ในเว็บไซต์ของพันทิพย์ก็ได้มีสมาชิกของทางเว็บไซต์ได้ออกมาพูดถึงเรื่องราวอาถรรพ์ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ โดยเขาเราว่า เขาได้มีโอกาสไปเที่ยวที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ซึ่งก่อนจะไปนั้นทางผู้ใหญ่ปู่ย่าตายายก็ได้มีการบอกเขาแล้ว

ว่าหากไปเที่ยวแล้วอย่าได้หยิบจับอะไรกับมาเป็นอันขาดแต่ด้วยความที่เขาไม่เชื่อและต้องการอยากจะลองดี ซึ่งเขาได้นำเศษอิฐเก่านำใส่กระเป๋าเพราะอยากจะเอาของเก่านี้ไปอวดเพื่อนคนที่ไม่ได้ไปเที่ยว วัดพระศรีสรรเพชญ์จริงๆ

ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นในระหว่างที่เขากำลังเดินทางกลับ เขาลืมไปแล้วว่าเขาได้มีการหยิบเอาก้อนหินหรือเศษอิฐ ออกมาจากวัดด้วยพอเขาล้วงกระเป๋าเพื่อจะหยิบเงินเขาจึงนึกขึ้นมาได้ ทำให้เขาต้องเอาเสพติดต่อนั้นวางไว้ตรงขอบประตูรถที่เขานั่งหลังจากนั้นก็กลับถึงบ้านในช่วงเวลากลางคืนเขาก็ฝันประหลาดโดยเขาฝันว่าเขาวิ่งอยู่ในสถานที่โบราณแห่งหนึ่ง

และมีชายรูปร่างสูงใหญ่วิ่งไล่ตาม ซึ่งในฝันนั้นชายคนดังกล่าวพยายามที่จะเข้ามาทำร้ายเขาแต่โชคยังดีที่เขาวิ่งเข้าไปในโบสถ์ ซึ่งชายคนที่ถือดาบนั้นไม่สามารถเข้าไปได้ตัวเขาเองก็ได้แต่ยกมือไหว้ขอโทษหลังจากนั้นเขาก็เห็นภาพเป็นพระพุทธรูปวัดมงคลบพิตร

ซึ่งหลังจากนั้นในเมื่อเขาตื่นขึ้นมาเขาก็มีอาการประหลาดก็คือเขามีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงจนทนแทบไม่ไหวจนเขานึกขึ้นได้ว่าเขาฝันเห็นอะไรเขาถึงได้นึกถึงพระพุทธรูปในวัดมงคลบพิตรและชายที่ถือดาบคนนั้นแล้วยกมือกล่าวขอโทษอีกครั้งหนึ่ง

อาการปวดหูของเขาจึงหายไป ซึ่งนี่เองน่าจะเป็นสาเหตุของคนที่มีการขโมยหินโบราณมาจากวัดในพระนครศรีอยุธยาต่างก็ประสบพบเจอกันจนต้องทำให้พวกเขาเหล่านั้นนำก้อนหินที่ขโมยไปเอากลับคืนมานั่นเอง 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์ แจกเครดิตฟรี ไม่ต้องฝาก 2020

มังกรมีอยู่จริงบนโลกนี้หรือเปล่า 

สำหรับตำนานมังกรเราจะเห็นกันอยู่หลายที่มากไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งเอเชียทางฝั่งยุโรปและฝั่งอเมริกา ซึ่งมันก็ได้เป็นตำนานที่มันได้มีอยู่ไปทั่วทุกมุมโลกเลยจริงๆและทุกๆวันนี้เขาก็พยายามที่จะหาคำตอบมันอยู่ว่าไอเจ้าสัตว์ที่มันได้อยู่ในเทพนิยายตัวนี้มันได้มีชีวิตอยู่จริงๆหรือเปล่า

และถ้าเกิดว่ามันมีอยู่จริงมันจะอยู่ที่ไหนหรือถ้าหากว่ามันไม่มีอยู่จริงๆและใครกันที่เป็นคนที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งจากการที่เราได้ไปหาข้อมูลมาเราก็ได้บทสรุปมาอยู่สองอย่างในกรณีที่ว่าคาดว่ามันน่าจะมีอยู่จริงกับสิ่งที่มันเป็นตำนานซึ่งทั้งสองอย่างเราก็ได้สรุปข้อมูลกันมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งถ้าหากว่าเราจะพูดถึงในเรื่ืองของตำนานของมังกร หรือว่า เรื่องของมังกรเราเชื่อว่าหลายๆคนก็อาจจะเคยเห็นภาพความจำเดิมที่มังกรนั้นมันจะเป็นลักษณะว่าต้องบินได้ต้องพ่นไฟได้ต้องดูตัวใหญ่แล้วก็มองดูคล้ายกับสัตว์เลื้อยคานอะไรประมาณนี้

ซึ่งมังกรรูปลักษณ์ที่เราต่างเคยได้ยินมามันก็จะเป็นลักษณะนี้ใช่ไหม แต่ในบางที่เขาก็จะมีรูปลักษณ์ที่มันดูแตกต่างกันออกไปบางทีมันก็เป็นมังกรน้ำบ้างบางทีก็เป็นมังกรไฟบ้างมังกรดินมังกรทะเลทราย ซึ่งมันมีอยู่กันจะทุกพื้นที่กันเลย แต่ถามว่าจริงในรูปแบบของมังกรในยุคแรกเริ่มที่เราได้พูดถึงกันมันเป็นแบบที่เราเห็ฯหรือเป็นแบบที่เรานั้นได้พูดถึงกันในยุคปัจจุบันหรือเปล่าวสำหรับเราแล้วข้อมูลที่ได้หามาได้นั้นต้องขอบอกก่อนเลยว่ามันไม่ใช่ ซึ่งมังกรในยุคแรกเริ่มซึ่งจะมีลักษณะที่ดูคล้ายกับสัตว์เลื้อยคานที่มันไม่มีขาคล้ายกับงูที่มีขนาดใหญ่

และมันก็มักจะชอบอาศัยอยู่ตรงพื้นที่บริเวณน้ำมากกว่าบนบกและจะอาศัยอยู่ในน้ำที่มีความลึกมากพอสมควรจนบางทีคนอาจจะมองว่ามังกรจริงนั้นมันได้เป็นปลาชนิดหนึ่งมันก็มีอยู่เหมือนกัน ซึ่งในตำนานของมังกรนั้นมันก็ได้มีอยู่มานานมากแล้วตั้งแต่ก่อนคริสตศักราชแล้วก็ได้มีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆจนมาถึงเมื่อประมาณศตวรรษที่5ตำนานของเจ้ามังกรมันก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆเริ่มมีขาเริ่มมีปีกเริ่มพ่นไฟได้

ซึ่งในตำนานของมังกรนั้นมันก็ได้ไปผูกกับบุคคลในประวัติศาสตร์อีกหลายคนมากทั้งคิงอาเธอร์หรือกษัตริย์หลายๆองค์ที่มีการพูดถึงว่าได้มีการสู้รบกันกับมังกรและมันก็ยังได้มีการบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์อีกด้วย

 

 

สนับสนุนโดย  sagame