คามิน เลิศชัยประเสริฐ

ศิลปะนั้นมันไกล้กับความเป็นชีวิตมากที่สุดมันขยายขอบเขตในการที่เรานั้นจะอธิบายความจริงได้ไกล้เคียงกว่าภาษาพูดภาษาเขียนมันไม่ใช่วันเวย์ ไดอาร็อคพอมันได้ทำออกไปมันได้เกิดประสบการณ์ร่วมคนทำศิลปินก็ได้เสนอความคิดตรงนี้

แต่คนดูก็อาจจะคิดไม่เหมือนกบศิลปินก็ได้ซึ่งตรงนี้มันได้ไกง้ความจริงที่สุดเพราะอะไรเพราะมันไม่ได้เป็นทัศนคติแบบครอบงำในตอนวัยเด็กเราก้อาจจะเป็นเด็กเกเรเรียนหนังสือไม่เก่งเรียนได้ที่โร่ตลอดก็ทำอะไรไม่เป็นก็ได้เป็นวาดรูปก็เลยไปเข้ารวมช่างศิลป์พอเราเรียนศิลปะเราก็จะทำความเข้าใจว่าศิลปะมันคืออะไร

หรือว่าเราทำไปทำไมค้นหาไปเรื่อยๆจนหลังๆมาว่าเราเริ่มเข้าใจว่ามันไม่ได้เป็นแค่อาชีพอย่างเดียวแต่มันเป็นชีวิตของเราเลยมันทำให้ชีวิตเรามีความหมายเราก็เลนทุมเทกับมันเพื่อที่จะทำความเข้าใจศิลปะคืออะไรและจากตรงนั้นมันก็ทำให้เราเข้าใจว่าชีวิตคืออะไรผ่านในการทำงานศิลปะก่อนตายคุณอยากจะเข้าใจมันว่าคุณเกิดมาทำไมในมิติตรงนี้ไหนๆคุณก็จะต้องตายตรงนี้แล้วเอาไปก้ไม่ได้อะไรซักอย่างอย่างน้อยให้เข้าใจก่อนตายไม่ได้หรออะไรแบบนี้

ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เรานั้นได้ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กว่าเราอยากเข้าใจความจริงว่าคุณค่าของการมีชีวิตอยู่มันอยู่ตรงไหนคือผมคิดว่าทุกอย่างมันคือสัจจะหมดมันก็คือความจริงหมดเพราะว่าทุกคนมันก็มองโลกหรือว่าความจริงจากประสบการณ์ของเขาซึ่งเราจะมาบอกของเราจริงของเขาไม่จริงเป็นไปไม่ได้แต่มันอาจจะเป็นความจริงระดับความจริงสมมุติในการมองปัญหาหรือมองความจริงในส่วนของเรื่องต่างๆ

เราก็อาจจะมองผิดเพราะข้อมมูลของเราผิดก็ได้แต่คือจะทำอย่างไรก็ได้ให้คุณนั้นมีสตินิดนึงเช่นว่าอย่างพึ่งสรุปอะไรเหมือนกับที่พระพุทธเจ้าพูดถึงการรามาสูตรแต่ผมว่าหัวใจของพระพุทธศาสนาในทัศนของผมในที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุดก็คือการรามาสูตรซึ่งไม่ได้บอกว่าไม่ให้เชื่อแต่จะบอกว่าให้ไปพิสูจน์ก่อนให้มันมีประสบการณ์ตรงก่อน

และผมก็ว่าอันนี้เป็นตัวที่จะทำให้เรามีสติที่จะเข้าในความจริงในฐานะที่มันเป็นแต่ไม่ใช่อย่างที่เราต้องการประสบการณ์ของผมผมคิดว่าผมได้จากวิปัสสนามาเยอะมากคือผมศึกษาวิปัสสนามาประมาณปี93พอคุณเริ่มเข้าใจสืบสารเหตุปัดจัยว่ามันเกิดขึ้นอย่างไงใน20มันจะวนอยู่แค่ไม่กี่เรื่องโลภ โกรธ หลง ขี้ ปี้ เยี่ยว อิจฉา ริษยา มันมีอยู่ไม่กี่เรื่องทำตรงนั้นคุณถึงจะเข้าใจว่ามันมีมิติบางอย่างที่อยู่ในตัวเราและเราก็ไม่เคยเข้าใจมัน

 

สนับสนุนโดย  dewabet